วันศุกร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ซีอาน

เลาะรั้วกำแพงเมืองโบราณนับพันปีที่ซีอาน



ขอขอบคุณรูปภาพจาก www.teenee.com

 ซีอาน เป็นราชธานีของ 13 ราชวงศ์ในสมัยโบราณของจีน หากเดินตามถนนและซอกซอยของเมืองซีอาน โดยไม่ระมัดระวัง ก็อาจสะดุดอิฐสมัยราชวงศ์ฉินหรือกระเบื้องสมัยราชวงศ์ฮั่นจนล้มลงได้
นักท่องเที่ยวทั้งชาวจีนและชาวต่างประเทศจากทั่วทุกสารทิศเดินทางมาทัวร์ซีอาน ก็ล้วนมาเพื่อชมกองทัพหุ่นทหารและม้า เจดีย์ต้าเอี้ยนถ่า สระน้ำอุ่นหวาชิงฉือ ซึ่งเป็นประวัติศาสตร์อันยาวนานของเมืองซีอาน แต่ก็มีคนจำนวนมาก ที่มาเมืองซีอานเพื่อรับประทานอาหารพื้นเมืองสุดอร่อยหลากหลายชนิด นั่งยองๆ ข้างกำแพงเมืองโบราณนับพันปีของเมืองซีอาน ดื่มด่ำไปกับรสชาติของบรรยากาศเมืองซีอานช้าๆ




ขอขอบคุณรูปภาพจาก www.teenee.com
อาหารซีอาน เน้นรสเค็ม หวาน เปรี้ยว เผ็ด และความสด อาหารว่างที่ผู้คนชอบมีเพ่าหมัว เนื้อแพะและเนื้อวัวตุ๋นใส่เส้น แฮมเบอร์เกอร์จีนใส้เนื้อหมูซอสเค็ม อาหารต้มงาดำ เส้นหมี่น้ำรสเผ็ด ซาลาเปาใส้น้ำซุป แป้งแข็งกัวคุย หมี่เหอเล่อข้าวเฉียวเมี่ยน เพ่าหมัวต้มหัวน้ำเต้า ร้านอาหารชื่อดังมีเพ่าหมัวเนื้อแพะและเนื้อวัวตุ๋นของร้านเหล่าซุนเจีย ต้มหัวน้ำเต้าร้านชุนฟาเซิง ซุปเครื่องในแพะร้านหม่าเจีย เนื้อนุ่มอร่อย ในน้ำซุปเข้มข้น ยามเข้าปากเคี้ยวได้รสชาติที่นุ่มและสดอร่อย ต้องกินชามใหญ่ เน้นกินร้อนๆ เต็มชาม
ถนนอาหารพื้นเมืองชื่อดังของเมืองซีอาน ตั้งอยู่ด้านหลังหอระฆังที่มี ประวัติกว่า 600 ปี ร้านอาหารชนิดต่างๆ เปิดขึ้นเต็มตามถนนสายนี้ แต่ละร้านก็มีอาหารสูตรเด็ดของตน ถ้าชอบผักดองเปรี้ยว ต้องไม่พลาดข้าวผัดผักกาดดองร้านหงหง สั่งข้าวผัดผักกาดดองหมูเส้น เผ็ดนิดเปรี้ยวหน่อย สั่งซุปบ๊วยเปรี้ยวอีกแก้ว ชวนกินแก้ร้อนใน




ขอขอบคุณรูปภาพจาก www.teenee.com
ถนนหุยหมินเจีย หรือ ถนนชาวมุสลิม ที่พลาดไม่ได้ที่สุดก็คือซาลาเปาใส่น้ำซุปเจี่ยซาน ซึ่งมีเนื้อซาลาเปาบางเหมือนกระดาษ ไส้นุ่มเจือน้ำมีซุป ด้วยเครื่องเทศกลิ่นหอมจัด ได้รับการยกย่องว่าเป็นสิ่งเลิศรส 3 อย่าง และเป็นซาลาเปาสุดยอดในเมืองโบราณ ถนนหุยหมินเจียตั้งแต่ตอนเช้าถึงตอนกลางคืน เต็มไปด้วยนักกินจากพื้นที่ต่างๆ ที่พูดภาษาจีนสำเนียงแตกต่างกันไปโดยตลอดทาง เมืองซีอาน ก็ถูกลิ้มรสและสัมผัสด้วยกลิ่นที่หอมกรุ่นของอาหารมาเช่นนี้นานนับพันปีมาแล้ว



ขอขอบคุณรูปภาพจาก www.teenee.com
หมัว คือชิ้นแป้งที่ผ่านการทุบจนเนื้อแน่นแล้วนำไปอบจนสุก เมื่อนำไปแช่ (ก็เรียกว่าเพ่า) ในน้ำซุปเข้มข้นที่ต้มเป็นเวลานาน เนื้อแป้งจะดูดรสชาติที่กลมกล่อมของน้ำซุป จึงกลายเป็นอาหารที่ขึ้นชื่อในความเอร็ดอร่อยที่ไม่เหมือนใคร

สนใจทัวร์ซีอาน ดูรายละเอียดได้ที่
http://www.doubleenjoy.com/ทัวร์เที่ยวจีน/ทัวร์ซีอาน-ลั่วหยาง-CN40.aspx

วันพฤหัสบดีที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2555

เซี่ยงไฮ้

หาดเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ (หาดไว่ทัน)


ขอบขอบคุณรูปภาพจาก www.ablthai.com
           
             หาดไว่ทัน ตั้งอยู่ฝั่งเมืองเก่าผู่ซี่นั้น มีพื้นที่ที่เรียกกันว่า "The Bund" เป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงที่สุดของ เซี่ยงไฮ้นับตั้งแต่อดีตกาล จนถึงปัจจุบัน ตั้งอยู่บนถนนจงซาน ริมแม่น้ำที่มีความยาว 1 กิโลเมตรครึ่ง เลาะไปตามริมแม่น้ำหวงผู่ เป็นย่านอาคารสไตล์ยุโรปงดงามที่มีความเก่าแก่กว่าร้อยปีตั้งเรียงรายอยู่บนถนนริมแม่น้ำหวงผู่ อาคารเหล่านี้เป็นอาคารที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยที่เซี่ยงไฮ้ยังเป็นเขตเช่าของประเทศต่างๆ ปัจจุบันก็ใช้เป็นโรงแรม เป็นที่ทำการธนาคารแห่งชาติหลายๆ แห่ง รวมไปถึงยังเป็นที่ทำการกงสุลไทย และธนาคารกรุงเทพ สาขาเซี่ยงไฮ้
            หาดไว่ทัน เป็นสถานที่ในการถ่ายทอดเรื่องราวของเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ ที่เกิดขึ้นในยุคที่เมืองเซี่ยงไฮ้เต็มไปด้วยเจ้าพ่อหลายแก๊งค์แย่ง ชิงอำนาจกันให้วุ่นวายไปหมด หาดไว่ทันจึงมีชื่อที่รู้จักในหมู่นักท่องเที่ยวชาวไทยว่า "หาดเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้"

ถนนนานจิงลู่

ขอบขอบคุณรูปภาพจาก www.guru-tour.com
       ถนนหนานจิงนั้นเริ่มแรกนั้นจีนได้จัดสรรให้เป็นที่ดินในสัมปทานของประเทศอังกฤษ และในเวลาต่อมา ก็มีอีกหลายประเทศเข้ามาทำการค้าในที่ดินแห่งนี้ และถนนหนานจิงก็กลายมาเป็นแหล่งซื้อขายสินค้าจากต่างชาติที่ใหญ่ที่สุดในเมืองเซี่ยงไฮ้
       ถนนหนานจิง ของเมืองเซี่ยงไฮ้นี้เป็นแหล่งชอบปิ้งที่สำคัญสำหรับทัวร์เซี่ยงไฮ้ อีกแห่งหนึ่ง ถนนสายนี้ จะกว้างไม่มีรถวิ่ง นอกจากรถรางภายใน เป็นย่านช็อปปิ้งเก่าแก่ที่สุดของเซี่ยงไฮ้ ซื้อขายกันคึกคักตั้งแต่ทศวรรษ 1920 มีความยาวกว่า 6 กิโลเมตรตั้งอยู่ฝั่งผู่ซี กินพื้นที่ยาวตั้งแต่ฝั่งตะวันตกของ “เดอะ บันด์” ไปจนถึง “พีเพิลส์ สแควร์” เป็นแหล่งช็อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนมจากทั่วโลก ช่วงเทศกาลสำคัญๆอย่างปีใหม่, ตรุษจีน และคริสต์มาส ชาวเซี่ยงไฮ้และนักท่องเที่ยวจะมารวมตัวกันฉลองความสุขสันต์บนถนนสายนี้ พื้นที่ด้านตะวันออกของนานจิงอนุรักษ์เป็นถนนคนเดิน ถือเป็นอีกย่านที่น่าเดินน่าช็อปที่สุดในเซี่ยงไฮ้ เพราะมีร้านจีนๆซุกซ่อนอยู่สลับกับห้างหรูตลอดสองข้างทาง
           ถนนสายนี้ถือได้ว่าเป็นถนนอเนกประสงค์ของชาวเซี่ยงไฮ้ เนื่องจากในตอนเช้าๆ จะเป็นบริเวณที่ผู้คน โดยเฉพาะ ผู้สูงอายุออกกำลังกายทั้ง รำไทเก๊ก รำกระบี่ รำพัด พอตกสายหน่อยก็จะกลายเป็นแหล่งช้อบปิ้ง เพราะเป็นที่ตั้งของ บรรดาห้างสรรพสินค้ามากมาย และต้องถือว่าเป็นย่านสวรรค์ของบรรดาสาวกแบรนด์เนมทั้งหลาย นอกจากนี้ ยังเป็นถนนที่ทางการให้การดูแลเรื่องการขายสินค้ากับนักท่องเที่ยวเป็นพิเศษถึงขนาดมีระบบการให้ใบเหลืองใบแดงสำหรับร้านค้าที่มีพฤติกรรมฉ้อโกงนักท่องเที่ยว
            ถนนหนานจิง หรือ ถนนคนเดิน ถนนสายนี้ จะมีช่วงหนึ่งของถนนหนานจิงตงลู่ หรือนานจิงตะวันออก ที่ จะปิดถนนเป็นระยะทาง 1,033 เมตร ให้คนเดินเท่านั้น ละแวกนี้นอกจากจะเต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า ยังมีงานศิลปะชั้นดีให้คุณได้เลือกเสพอีกด้วย โดยทางตอนใต้ของถนนนานจิงเป็นที่ตั้งของหอศิลปะช่างไห่เหม่ยซู่ก่วน และจัตุรัสประชาชนหรือ พีเพิลสแควร์ ซึ่งเป็นศูนย์ กลางทางสังคมและสถานที่พักผ่อนนอกบ้านของชาวเซี่ยงไฮ้

หอไข่มุก
ขอบขอบคุณรูปภาพจาก www.meetaweetour.co.th
" หอไข่มุก 东方明珠塔 "       หอไข่มุกเป็นหอส่งสัญญาณวิทยุโทรทัศน์สูง 468 เมตร ลักษณะเป็นไข่มุก 11 ลูก และ เสา 3 เสา ด้านบนเป็นรูปไข่มุก 3 เม็ด 3 ขนาดเรียงกันในแนวตั้ง ที่นี่เป็นที่ทำการของสถานีโทรทัศน์ 9 แห่ง และสถานีวิทยุ 10 แห่ง ภายในหอกลมทำเป็นภัตตาคาร โรงแรมหรูขนาด 25 ห้อง และร้านค้า ด้านใต้ตรงฐานของหอจัดเป็นพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์เมืองเซี่ยงไฮ้เมืองจำลองโลกอนาคต และเมืองวิทยาศาสตร์แฟนตาซี  ช่องกลางของหอไข่มุกตะวันออกเป็นเสาปล่องกลวง ใช้แขวนลิฟท์ความเร็วสูง 6 ตัว ที่มีความเร็ว 7 เมตร/วินาที เพื่อขึ้นไปที่จุดชมวิว ในระดับความสูง 267 เมตร ส่วนในเวลากลางคืนนั้น หอกลมจะเปิดไฟที่สามารถเปลี่ยนสีไปได้เรื่อยๆ บนไข่้มุกเม็ดที่สองจะสามารถมองลงมาข้างล่างได้เนื่องจากทำพื่นเป็นกระจก
       หอไข่มุกตะวันออก เป็นหอคอยที่สูงที่สุดเป็นอันดับ 4 ของโลก  รองจากหอกว่างโจวทีวีแอนด์ไซท์ซีอิง ในกว่างโจวความสูง 610 เมตร หอคอยซีเอ็น เมืองโตรอนโต ของแคนาดา ที่สูง 554.3 เมตร และหอออสตันคิโน กรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย ที่มีความสูง 540.1 เมตร ในบริเวณใกล้เคียงกันยังเป็นที่ตั้งของอาคารจินเหมาทาวเวอร์ (สูง 421 ม.) และอาคารเซี่ยงไฮ้เวิลด์ไฟแนนเชียลเซ็นเตอร์ (สูง 492 ม.) ปัจจุบันนับได้ว่าเป็นสัญลักษณ์อันโดดเด่นของเมืองเซี่ยงไฮ้ ที่นอกจากจะใช้ในด้านการสื่อสารแล้ว ยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองอีกด้วย

รถไฟฟ้าแม่เหล็ก
ขอบขอบคุณรูปภาพจาก www.meetaweetour.co.th
" รถไฟฟ้าแม่เหล็ก "   แม็กเลฟ Maglev รถไฟฟ้าแม่เหล็กความเร็วสูง ทำงานด้วยระบบแม่เหล็กไฟฟ้า ชนิดไม่มีล้อและไม่มีราง (Magnetic Levitation) หรือแมกเลฟ (Maglev) เป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดของโลก มีใช้วิ่งแล้วในประเทศจีน และที่อยู่ในระยะการพัฒนาต่อเนื่องในประเทศเยอรมนี และอยู่ในระยะการทดสอบในประเทศญี่ปุ่น 
ข้อดีของระบบแม็กเลฟ (Maglev) ระยะทางจากจุดเริ่มต้นถึงความเร็ว ๒๐๐ กิโลเมตรต่อชั่วโมง จะเงียบ ถ้าความเร็วสูงกว่านั้น จะมีเสียงเกิดจากรถเสียดสีกับอากาศรอบข้าง"เซี่ยงไฮ้แม็กเลฟ" สร้างสถิติเป็น "รถไฟฟ้าแม่เหล็กความเร็วสูง"(แม็กเลฟ) ขบวนแรกของโลกที่วิ่งให้บริการเชิงพาณิชย์ด้วยความเร็วสูงสุดและถือว่าเป็นรถไฟที่วิ่งเร็วที่สุดในโลก

สนใจทัวร์เซี่ยงไฮ้ ดูรายละเอียดได้ที่
http://www.doubleenjoy.com/ทัวร์เที่ยวจีน/ทัวร์เซี่ยงไฮ้-หังโจว-อู๋ซี-ซูโจว-ถงหลี่.aspx

วันศุกร์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2555

จางเจียเจี้ย

จางเจียเจี้ย
ขอขอบคุณภาพจาก http://board.trekkingthai.com

เมืองโบราณฟ่งหวง เป็นอีกหนึ่งสถานที่หากได้มาทัวร์จางเจียเจี้ย ไม่ควรพลาดที่จะมาเยือนเมืองฟ่งหวง การท่องเที่ยวชมเมืองโบราณฟ่งหวง มีการล่องแม่น้ำถั่วเจียงชมบรรยากาศเมืองโบราณริมน้ำ เมืองโบราณฟ่งหวง หรือ เมืองหงส์ตั้งอยู่กลางหุบเขาและมีแม่น้ำถั่วเจียง แม่น้ำที่ใสสะอาดไหลผ่าน สองฝั่งแม่น้ำมีบ้านแบบโบราณที่ยกพื้นสูงเรียงรายกันบนริมแม่น้ำ ถ้ามองจากริมแม่น้ำจะเห็นบ้านเรือนยกสูงสร้างติดริมแม่น้ำเป็นแนวยาว กลางเมืองฟ่งหวงจะมีสะพานเก่าที่คาดว่าสร้างในสมัยราชวงศ์ชิง เชื่อมโยงชีวิตสองฟากแม่น้ำเป็นหนึ่งเดียว สะพานนี้มีสองชั้น ชั้นแรกเป็นทางเดินข้ามและมีร้านขายของเล็กๆ ริมทางเดิน ส่วนชั้นสองเป็นจุดชมวิวที่ดีที่สุดจุดหนึ่งในเมือง หากต้องการชมเมืองโบราณสามารถนั่งเรือพายล่องแม่น้ำถัวเจียง ชมเมืองโบราณสองฝั่ง ชมสะพานเก่าแก่ เจดีย์วั่นหมิง หอตั๋วชุ่ย ฯลฯ ซึ่งเต็มไปด้วยบ้านเรือนที่มีลักษณะการก่อสร้างแบบจีนโบราณสร้างในสมัยราชวงศ์หมิงและชิง ระหว่างทางจะมีชาวบ้านซึ่งเป็นชนเผ่าดั้งเดิมของที่นี่เรียกว่าชนเผ่าถู่เจียง ใช้เวลาในการล่องเรือประมาณ 30 นาที โดยใช้ล่องไปหนึ่งขาและขากลับเราก็เดินทางเมืองโบราณ เปลี่ยนบรรยากาศ

ขอขอบคุณภาพจาก http://board.trekkingthai.com

จุดเด่นของการเที่ยวชมภายในเมืองโบราณฟ่งหวงอยู่ที่การล่องเรือชมบรรยากาศของสองฝั่งแม่น้ำถั่วเจียงซึ่งเต็มไปด้วยบ้านเรือนที่มีลักษณะการก่อสร้างแบบจีนโบราณสร้างในสมัยราชวงศ์หมิงและชิง ระหว่างทางจะมีชาวบ้านซึ่งเป็นชนเผ่าดั้งเดิมของที่นี่เรียกว่าชนเผ่าถู่เจีย เอาเรือออกมาลอยลำคอยร้องเพลงต้อนรับนักท่องเที่ยวและไกด์ก็จะเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวร้องเพลงตอบกลับไปซึ่งไม่ว่าเราจะร้องเป็นเพลงไทย หรือจีนออกมา  เค้าก็จะร้องเพลงตอบกลับมาอีกเช่นกันผลัดกันร้องผลัดกันฟังถึงแม้จะคนละภาษาแต่ก็สนุกไปอีกแบบหนึ่ง มีเสาหินกลางน้ำ สำหรับคนเดินข้าม จุดนี้เป็นจุดถ่ายภาพหมู่ชั้นหนึ่ง ... โดยเฉพาะภาพหมู่หลายๆคน จับมือกัน ยกขาข้างใดข้างหนึ่งไปในทิศทางเดียวกัน เป็นที่ที่ให้อารมณ์สนุกสนานดี จะใช้กล้องเรา หรือ มีกล้องมืออาชีพท้องถิ่นที่คอยบริการเรา รับภาพได้เลย

ขอขอบคุณภาพจาก http://board.trekkingthai.com
พูดถึงเรื่องตกน้ำ ก็มีเรื่องเศร้าสลด และ สร้างวีรบุรุษขึ้นมา คือ บุคคลเจ้าของอนุสาวรีย์ริมแม่น้ำ ถั่วเจียง แห่งนี้ ... เรื่องสลดมีว่า มีเด็ก 2 คน ตกลงไปในแม่น้ำถั่วเจียง นายคนนี้เห็นเข้า เลยรีบถอดเสื้อ วิ่งกระโจนลงน้ำเข้าไปช่วยเหลือ แต่ผลคือ ตายหมู่กันหมดทั้ง 3 คน ... ด้วยคุณงามความดี และ เป็นการยกย่องคนทำความดี  ทางเมืองจึงได้สร้างอนุสาวรีย์ เพื่อรำลึกถึงความดี ที่เขาได้ช่วยเหลือผู้อื่นโดยไม่ได้คิดถึงแม้ชีวิตตัวเอง ... จะเห็นว่ามีดอกไม้มาบูชาอยู่ประจำ ...

ขอขอบคุณภาพจาก http://board.trekkingthai.com
กังหันวิดน้ำโบราณ เป็นสิ่งที่คนโบราณสร้างขึ้นแสดงให้เห็นถึง ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ให้อนุชนรุ่นหลังได้ชื่นชม ...
 

ขอขอบคุณภาพจาก http://board.trekkingthai.com
เมืองโบราณฟ่งหวง มีโบราณสถานและโบราณวัตถุทางด้านวัฒนธรรมอันล้ำค่าที่ตกทอดมาจากราชวงศ์หมิงและชิง 120 แห่งมีถนนที่ปูด้วยหินเขียว 20 กว่าสาย สิ่งก่อสร้าง 68 แห่ง วัตถุโบราณ 116แห่ง ... ฟ่งหวง เป็นเมืองโบราณที่สร้างในราชวงศ์ถัง ซึ่งเป็นเมืองที่ก่อขึ้นด้วยหินทั้งเมือง ชื่อว่า “หวงซือเฉียวกู่เฉิง” เดิมเป็นที่ว่าการอำเภอ จุดเด่นอีกแห่งหนึ่งคือกำแพงโบราณซึ่งสร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์หมิง ซึงเป็นที่นิยมชื่นชอบและเป็นสถานศึกษาค้นคว้าประวัติความเป็นมาทั้งชาวจีนและต่างชาติ ในการล่องเรือเมืองฟ่งหวง เขาจะมีโปรแกรม มีจุดไฮไลท์ต่างๆตลอดริมฝั่งแม่น้ำถั่วเจียงนับสิบจุด แล้วแต่เราจะมีเวลาชมอย่างละเอียดหรือไม่ หนึ่งในนั้นคือชม บ้านเกิดของเสิ่นฉงเหวิน อดีตนักประพันธ์ นักประวัติศาสตร์และนักการศึกษาค้นคว้าโบราณคดีนามอุโฆษของจีน เป็นบ้านที่ปลูกล้อม รอบลานบ้าน ทั้งสี่ด้านก่อด้วยอิฐทนไฟ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ประจำท้องถิ่นในภาคตะวันตกของมณฑลหูหนาน 

ขอขอบคุณภาพจาก http://board.trekkingthai.com
 ภายในได้รับการอนุรักษ์อย่างดี  คงสภาพศิลปวัฒนธรรมตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษจากราชวงศ์ชิง ... เป็นอย่างไรบ้างคะกับทัวร์จางเจียเจี้ย น่าสนใจมากเลยใช่มั๊ยคะ


สนใจทัวร์จางเจียเจี้ย ดูรายละเอียดได้ที่
http://www.doubleenjoy.com/ทัวร์เที่ยวจีน/ทัวร์จางเจียเจี้ย.aspx

วันพฤหัสบดีที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ปักกิ่ง




ขอขอบคุณรูปภาพจาก http://pirun.ku.sc.th

             พระราชวังต้องห้าม ชื่อภาษาจีน แปลตามตัวอักษรได้ว่า "เมืองต้องห้ามสีม่วง" พระราชวังต้องห้ามตั้งอยู่ใจกลางของกรุงปักกิ่ง เมืองหลวงของประเทศจีน เป็นพระราชวังหลวงมาตั้งแต่สมัยกลางราชวงศ์หมิงจนถึงราชวงศ์ชิง พระราชวังต้องห้ามยังรู้จักกันในนาม พิพิธภัณฑ์พระราชวัง ด้านในจะแบ่งเป็นโซนๆ และแบ่งออกเป็นชั้นๆ จื่อจิ้นเฉิง(นครต้องห้าม) หรืออีกชื่อหนึ่งคือ กู้กง (พระราชวังต้องห้าม) สร้างในรัชสมัยจักรพรรดิ หย่งเล่อ แห่งราชวงศ์หมิง แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ พระราชวงศ์ชั้นนอก และ พระราชวังชั้นใน  ส่วนที่ได้ชื่อว่า "นครต้องห้าม" นั้น เป็นเพราะว่าสถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่ "คนในห้ามออก คนนอกห้ามเข้า" (บุคคลภายในเขตพระราชฐานห้ามออกนอกกำแพงพระราชวัง และสามัญชนห้ามย่างกรายเข้าไปในเขตพระราชฐานโดยเด็ดขาด) ผู้ฝ่าฝืนต้องโทษประหาร ... ทัวร์ปักกิ่ง เป็นอีกหนึ่งโปรแกรมที่ไม่ควรพลาดนะคะ




ขอขอบคุณรูปภาพจาก http://www.1000milestravel.com
          จตุรัสเทียนอันเหมิน" เป็นจัตุรัสใจกลางเมืองที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีความยาวตั้งแต่ทิศเหนือจรดทิศใต้ สามารถจุประชากรได้ถึง 1,000,000 คน อาคารที่เห็นอยู่ข้างหน้าคือ "หอระลึกประธานเหมาเจ๋อตุง"


สนใจทัวร์ปักกิ่ง ดูรายละเอียดได้ที่
http://www.doubleenjoy.com/ทัวร์เที่ยวจีน/ทัวร์ปักกิ่ง.aspx

วันพุธที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2555

อุทยานแห่งชาติหวงหลง




ขอบคุณรูปภาพจาก : www.pantip.com

มังกร เป็นสัญลักษณ์ของชาวจีนมาช้านานแล้ว ที่นี่ "อุทยานแห่งชาติหวงหลง" หรือมังกรเหลือง ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งต้นกำเนิดตำนานแห่งมังกรเหลือง ซึ่งมีความเกี่ยวพันกับชนชาติจีนมาแต่ครั้งโบราณ ผนวกกับความมหัศจรรย์ของสภาพทางภูมิทัศน์ที่โดดเด่น ของสระน้ำใสสะอาดน้อยใหญ่ที่แวดล้อมด้วยขุนเขาหิมะและโตรกธาร ด้วยผลงานรังสรรค์จากธรรมชาติ ทำให้สถานที่แห่งนี้ ได้รับการขนานนามว่า ‘สระสวรรค์ในแดนดิน’
วนอุทยานแห่งชาติหวงหลง ณ สาธารณรัฐประชาชนจีน  ได้ยินชื่อเสียงของวนอุทยานแห่งชาติหวงหลงมานานแล้วว่าสวยงามมาก  บางคนบอกว่าสวยกว่าวนอุทยานแห่งชาติจิ่วจ้ายโกว  ส่วนการเดินทางมาเที่ยวหวงหลง นั้นก็สามารถทำได้ 2 วิธี  โดยวิธีแรกโดยการเดินขึ้น 4.5 กิโลเมตรและเดินลงทางเดิม 4.5 กิโลเมตรเช่นเดียวกัน ตลอดทางจะมีวิวให้ชมเป็นระยะ
ข้อดี:
  - เหมาะสำหรับคนกระเป๋าฟีบ เพราะประหยัดไปได้ 80 หยวน ที่ไม่ต้องเสียกับค่าขึ้นกระเช้า
  - เหมาะสำหรับคนที่มีร่างกายแข็งแรง และมีเวลาในการเดินมากพอสมควร สามารถสมบุกสมบันอึดเดินทั้งขึ้นและลง โดยที่ไม่ต้องทำเวลามาก ไม่งั้นอาจน๊อกได้
  - ขาขึ้นจะได้ชมวิวบ้าง(แต่เป็นวิวเดียวกับขาลงอยู่แล้ว)
 ข้อเสีย:
  - ไม่เหมาะกับผู้มีเวลาน้อยอย่างที่บอกไปแล้ว
  - ไม่เหมาะกับผู้อาวุโส หรือผู้มีปัญหาเรื่องเข่า เพราะนอกจากจะต้องเดินขึ้นแล้ว บางจุดยังเป็นที่แคบ และต้องเจอสภาวะ "คนติด" ทำให้ต้องเดินๆหยุดๆเป็นช่วงๆ
ส่วนวิธีที่สองโดยการขึ้นกระเช้าไปข้างบน แล้วเดินต่อ 3 กิโลเมตร - เดินลง 4.2 กิโลเมตรตามทางในวิธีแรก  โดยที่ระหว่างทางจากกระเช้า 3 กิโลเมตรขึ้นทางกระเช้า แล้วเดินอ้อมไปถึงแนวหินของหวงหลง โดยตลอดทางจะเป็นทางราบและทางเดินลง ระยะทางรวม 8 กิโลเมตร ปล. สำหรับสถานีกระเช้านั้นจะอยู่ห่างจากทางเดินขึ้นหวงหลงไปอีก ต้องนั่งรถประจำทางของอุทยานไป เมื่อขึ้นไปถึงสถานีกระเช้าด้านบน ต้องเดินทางราบไปอีกราวเกือบ 1 กิโลเมตร(ตลอดทางไม่มีวิวให้ชม) จะถึงจุดชมวิว จากจุดนี้เราจะได้เห็นวิวของเกล็ดมังกรเหลืองที่เรียงรายเหินสู่ยอดเขาอย่างสวยงาม แต่หากท่านใดยังไหว และต้องการชมหวงหลงในแบบใกล้ๆ ต้องเดินตามทางลาดลงไปอีกราว 2 กิโลเมตร จะถึงทางแยก ซ้าย(อีกราว 350 เมตร)จะเป็นทางเดินขึ้นเขาไปชมบึงห้าสี ซึ่งเป็ฯจุดที่สวยที่สุดของหวงหลง หากเลี้ยวขวาจะเป็นทางลง ซึ่งระหว่างทางจะมีวิวเกล็ดมังกรในแบบใกล้ๆให้ชมเป็นระยะๆ เดินลงระยะทางราว 4.5 กิโลเมตร
 ข้อดี:
  - เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย รวมไปถึงผู้สูงอายุ ผู้มีปัญหาในการเดิน
  - เดินลง สบายๆ ไม่เหนื่อยเท่าเดินขึ้น
  - ใครมีเวลาน้อย ให้เลือกทางนี้ จะทำให้เหนื่อยน้อยลง เนื่องจากการเดินบนที่สูงขนาดนี้ที่มีออกซิเจนเบาบางเยี่ยงนี้ เดินเร็วๆเพื่อทำเวลา จะไปน๊อกตอนท้าย
 ข้อเสีย:
  - ใครงบน้อยให้ถอยไป เพราะนอกจากเสียค่าเข้า ราว 200 หยวนแล้ว ยังต้องเสียค่ากระเช้าขาขึ้นอีก 80 หยวน
ถ้าพูดถึงหวงหลง จะมีลักษณะเด่นที่สุดตรงอ่างน้ำหรือสระน้ำที่ตกตะกอนมานับพันปี โดยมีน้ำสวยๆหลากหลายสีอยู่ข้างในตรงหลังวัด และแล้วในที่สุด multi-colored pond ก็มาปรากฎต่อหน้า  คนเยอะมากๆ เบียดแล้วเบียดอีกกว่าจะได้ถ่าย   น้ำหลายแห่งเริ่มจะแข็ง บางจุดก็หิมะกลบ  แต่เจ้าพวกสระสีๆเนี่ย ไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อยสระน้ำสีฟ้ามั่ง สีเขียวมั่ง ตัดกับสีหิมะขาวๆ ต้นไม้ที่ไร้ใบสีเข้มๆ เป็นธรรมชาติที่งดงามมากงามคนละแบบกับที่จิ่วจ้ายโกว
คำแนะนำสำหรับคนที่มา
ทัวร์หวงหลง
- ควรฟิตร่างกายมาให้เต็มที่ เนื่องจากต้องเดิน เดิน เดิน และ เดินอย่างเดียว แต่ก่อนเคยมีเกี้ยวไว้บริการ แต่เนื่องจากเคยมีคนพลัดตกไปแต่ไม่มีผู้ใดรับผิดชอบได้ ทางการจีนจึงต้องสั่งระงับการให้บริการเกี้ยว
- เนื่องจากที่นี่เป็นที่สูงจากระดับน้ำทะเลมาก ~3200++ เมตร อากาศที่นี่จะเบาบางมาก ควรหาซื้อ ออกซิเจนกระป๋องติดไว้ (~10 หยวน เมื่อตุลา 50 ซื้อได้ที่หน้าประตูฝั่งเดินขึ้นใกล้ๆกับที่จอดรถ)
- วิธีเดินให้เดินอย่างสม่ำเสมอ อย่าหยุดนาน เดินไปเรื่อยๆ หายใจลึกๆ ยาวๆ เข้าไว้
- หากไม่ไหวจริงๆ และไม่มีออกซิเจนติดไว้ ระหว่างทางจะมีห้องพยาบาลให้เข้าไปสูดออกซิเจนได้
- เตรียมรองเท้าที่มีดอกยางเยอะหน่อย กันลื่นล้ม กรณีหิมะตก ทางจะลื่น
- ถ้าร่างกายไม่แข็งแรง รวมถึงผู้สูงอายุ แนะนำให้ใช้เส้นทางที่ 2 โดยขึ้นกระเช้าแล้วเดินลงอย่างเดียว จะไม่เหนื่อยมากเท่าเดินขึ้น
- ควรหาโปรแกรมทัวร์ที่จัดเวลาให้หวงหลง อย่างน้อยสัก 4 ชั่วโมง ให้เราเดินชมวิวได้อย่างเรื่อยๆ อีกอย่างจะได้มีเวลาพอที่จะขึ้นไปถึงบึงห้าสีจุดสูงสุดที่สวยที่สุด(อะไรก็ที่สุด)นั่นด้วย มาทั้งทีก็ต้องให้คุ้มหน่อย
- อากาศที่หวงหลงค่อนข้างหนาวมาก ใส่เสื้อผ้าให้อบอุ่น แต่ควรเป็นแบบเบาจะได้ไม่หนักเวลาเดิน เพราะเดินไปเรื่อยๆ สักพัก อาจจะร้อน จนต้องถอดเสื้อตัวนอกออกถือ
- พกน้ำติดตัวไว้ ถ้าให้ดีพกกระติกน้ำอุ่นไว้อังกับไอน้ำอุ่นๆ จะทำให้หายใจคล่องขึ้น
 - มียาชนิดหนึ่งที่ทำมาจากหญ้าบนที่ราบสูงทิเบต เป็นหญ้าที่จามรีกิน รวมถึงชาวทิเบตก็นำมาต้มเป็นน้ำใช้ดื่มกินในชีวิตประจำวันเลยด้วย ปัจจุบันมีการนำน้ำที่ต้มจากหญ้านี้มาทำเป็นยาบรรจุขวด รวมถึงแบบอัดเม็ดก็มียาจะชื่อ "หงจินเทียน"

วันอังคารที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2555

จิ่วจ้ายโกว



                                         ขอขอบคุณรูปภาพจาก http://www.r-us-holidays.com

          สถานที่ท่องเที่ยวล้วนมีตำนาน “จิ่วจ้ายโกว”  ก็มีตำนานเช่นกัน ซึ่งในอดีตกาลมีนักรบหนุ่มผู้หนึ่งนามว่า ต้าเกอ ผู้ที่มีชิวิตเป็นอมตะ อาจเอื้อมไปรักเจ้าหญิง อู่นัวเซอโหม่ ผู้สูงศักดิ์ ด้วยความรักที่ต้าเกอและเจ้าหญิงอู่นัวเซอโหม่ มีให้กัน ทำให้เทวดาและผู้ทรงศีลทั้งหลายเกิดอิจฉา วันหนึ่งนักรบหนุ่มได้สร้างกระจกวิเศษซึ่งทำจาก สายลมอันสงบ แสงแดดอันอบอุ่น หมู่เมฆอันนุ่มละมุนและขาวบริสุทธิ์ เพื่อมอบให้กับนางผู้เป็นที่รัก แต่ก่อนที่เจ้าหญิงจะได้รับกระจก เหล่าเทพเทวดาบันดาลให้กระจกแตก เศษแก้วก็กระจายล่วงลงมาสู่โลกมนุษย์ เศษกระจกแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยถึง 108 ชิ้น ซึ่งต่อมากลายเป็นทะเลสาบน้อยใหญ่ 108 แห่ง เกิดเป็นทะเลสาบ 5 สี ที่มีน้ำใสสีฟ้าจนเห็นพื้นทะเลจึงเกิดเป็นสระน้ำห้าสี สีของน้ำเป็นสีฟ้าใสอมม่วง สลับกับทิวเขาใบไม้ที่เริ่มเปลี่ยนสีทั้งหุบเขา สวยงามมาก  ซึ่งตำนานนี้ได้ถูกถ่ายทอดเรื่องราวและเล่าถึงความสวยงามของ "จิ่วจ้ายโกว” สืบต่อมา
 
                ดินแดนแห่งเทพนิยาย เป็นชื่อที่ชาวตะวันตกใช้เรียกขาน “จิ่วจ้ายโกว”  ซึ่งมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย เช่น ทะเลสาบต้นอ้อ ซึ่งต้นไผ่อ้อมากมาย ลำธารสีเขียวฟ้าไหลผ่านกลางไผ่อ้อ ในฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน ไผ่อ้อจะสีเดียวกับลำธาร ส่วนฤดูใบไม้ร่วงกับฤดูหนาว ไผ่อ้อจะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง ตัดกับสีเขียวของลำธาร ซึ่งสวยงามมากเหมาะแก่การมาเก็บภาพประทับใจ ทะเลสาบมังกรหลับ  ทะเลสาบแห่งนี้เป็นตัวแทนของทะเลสาบสีน้ำเงิน ผิวน้ำเงียบสงบราบรื่นเหมือนเพชรสีน้ำเงิน   หมู่ทะเลสาบซู่เจิ้น ติดกันเป็นระยะทางหลายลี้  ประกอบด้วยทะเลสาบใหญ่เล็ก 19 แห่ง สลับกันเป็นขั้นบันได ระหว่างทะเลสาบเหล่านี้เต็มไปด้วยต้นไม้ตระกูลหญ้านานาพรรณ หมู่ทะเลสาบสลับเป็นชั้น สีสันสดใส จนได้รับสมญานามว่า วิวจำลองจิ่วจ้ายโกว โดยเฉพาะหากได้ชมหมู่ทะเลสาบซู่เจิ้น ในมุมสูงแล้ว จะสวยงามมาก   น้ำตกซู่เจิ้น มีลักษณะเหมือนกลับดอกบัว น้ำที่ไหลมาจากทะเลสาบข้างบน ถูกต้นไม้แยกเป็นสายน้ำเล็กๆหลายพันสาย สุดท้ายก็มารวมกันที่ยอดน้ำตกเทลงมาทีเดียว สง่างามมาก  ทะเลสาบเสือ  ทะเลสาบนี้น้ำลึกและเงียบสงบ ความเป็นมาของชื่อทะเลสาบนี้ มี 3 อย่าง (1) เสียงน้ำไหลของน้ำตกซู่เจิ้นดังเหมือนเสียงร้องของเสือ (2) ฤดูใบไม้ร่วงของทุกปี ใบไม้รอบๆทะเลสาบ จะเปลี่ยนสีและสะท้อนบนผิวน้ำดูเหมือนรวดลายของเสือ (3) เสือในป่าลงมากินน้ำที่ทะเลสาบนี้บ่อยๆ ทะเลสาบแรด  เป็นทะเลสาบขนาดใหญ่อันดับ 2 ของอุทยานจิ่วจ้ายโกว รองจากทะเลสาบยาว และเป็นทะเลสาบที่มีวิวเปลี่ยนเยอะที่สุด เงาสะท้อนสวยงามอันดับ 1 รอบทะเลสาบเต็มไปด้วยดอกไม้นานาชนิด ฤดูใบไม้ผลิกับฤดูร้อนจะเป็นสีเขียวทั้งหมด ฤดูใบไม้ร่วง ใบไม้จะเป็นสีแดง ส่วนต้นจะเป็นสีเขียว ส่องเงาสะท้อนน้ำยิ่งสวยงาม โดยเฉพาะสีครามผืนใหญ่กลางทะเลสาบ  น้ำตกโน่ยื่อหล่าง เป็นน้ำตกหินปูนที่กว้างที่สุดของอุทยานจิ่วจ้ายโกว และกว้างที่สุดในประเทศจีน โน่ยื่อหล่างในภาษาธิเบตหมายถึง เทวดากับสว่างาม ในฤดูหนาว น้ำตกจะแข็งตัวกลายเป็นม่านน้ำแข็ง เสาน้ำแข็งจำนวนนับไม่ถ้วน ห้อยย้อยตามหน้าผาหิน  ทะเลสาบกระจก   เงาสะท้อนของทะเลสาบกระจก เสมือนกระจกบานใหญ่สะท้อนเงาจากท้องฟ้า ทำให้เกิดภาพพิเศษขึ้นมา คือมีปลาว่ายกลางเมฆหมอก มีนกบินกลางสายน้ำ ริมทะเลสาบมีต้นไม้สองต้นพันกันสูงระฟ้า ทำให้คู่รักนิยมมาถ่ายรูปคู่ที่นี่ เพราะเชื่อกันว่าจะซื่อสัตย์ต่อความรักตลอดไปน้ำตกธารไข่มุก  เกิดจากการรวมตัวของน้ำที่ไหลมาจากธารไข่มุก แล้วตกลงไปตามหน้าผา สวยงามและเสียงดังมาก เรียกได้ว่าเป็นน้ำตกที่เสียงดังที่สุดในอุทยานจิ่วจ้ายโกวเลยทีเดียว  น้ำตกธารไข่มุก เคยเป็นจุดที่ใช้ถ่ายทำภาพยนต์เรื่องไซอิ๋ว เพราะความสวยงามของน้ำตกนั่นเอง ทะเลสาบกระดิ่งทอง  ที่มาของชื่อ ทะเลสาบกระดิ่งทอง ก็เพราะว่า มีทะเลสาบ 2 แห่งติดกัน เหมือนกระดิ่ง ทะเลสาบแห่งเล็กน้ำลึก 103 เมตร และเป็นทะเลสาบที่ลึกที่สุดของอุทยานจิ่วจ้ายโกว  ทะเลสาบดอกไม้ห้าสี สูงจากระดับน้ำทะเล 2,472 เมตร ลึก 5 เมตร ครอบคลุมพื้นที่ 9 หมื่นตารางเมตร เป็นทะเลสาบที่มีวิวสวยอันดับต้นๆของอุทยานจิ่วจ้ายโกว เนื่องมาจากการกระจายตัวของตะกอนหินปูน สาหร่าย และพืชน้ำ ทำให้เกิดสีหลายสีสวยงามมากทะเลสาบหมีแพนด้า  น้ำใสสะอาด เงาสะท้อนชัดเจน ได้ชื่อนี้เพราะว่าในสมัยก่อน บริเวณนี้มีหมีแพนด้าอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก  ทะเลสาบไผ่ลูกศร เป็นทะเลสาบขนาดใหญ่ที่รายล้อมด้วยไผ่ลูกศร อันเป็นที่มาของชื่อทะเลสาบไผ่ลูกศรนั่นเอง ไผ่ลูกศรเป็นอาหารโปรดของหมีแพนด้า  น่าแปลกใจที่ว่า ในฤดูหนาว น้ำในทะเลสาบไผ่ลูกศรยังคงเป็นสีเขียว ในขณะที่ทะเลสาบหมีแพนด้า ซึ่งอยู่ใกล้กัน กลับกลายเป็นน้ำแข็งทั้งหมด  น้ำตกไผ่ลูกศร ไม่สูงมากนัก  ทะเลสาบหญ้า  ครอบคลุมพื้นที่ 3 หมื่นตารางเมตร เป็นทะเลสาบกึ่งบึง ตั้งอยู่ในหุบเขาสูงและลึกลับ เงียบสงบ แสงแดดส่องถึงช้ากว่าทะเลสาบแห่งอื่นๆ  ทะเลสาบฤดูกาล เส้นทางจากน้ำตกโน่ยื่อหล่าง ถึงทะเลสาบยาว เป็นเส้นทางที่ยาวที่สุด(18 กม.) และสูงที่สุดในอุทยานจิ่วจ้ายโกว ซึ่งจะผ่านทะเลสาบฤดูกาล 3 แห่ง แต่ละแห่งห่างกันพอสมควร ทะเลสาบฤดูกาลตอนใต้ อยู่ใกล้กับหมู่บ้านจือจาวา ทะเลสาบฤดูกาลตอนกลางอยู่ช่วงกลางของเส้นทาง ส่วนทะเลสาบฤดูกาลตอนเหนือ จะอยู่ใกล้กับทะเลสาบห้าสี ตามลักษณะของชื่อ ก็บ่งบอกอยู่แล้วว่า ทะเลสาบแห่งนี้จะมีน้ำหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับฤดูกาล ในฤดูฝน น้ำก็จะเต็มทะเลสาบ ทำให้เราเห็นเป็นทะเลสาบสีคราม ในฤดูร้อน น้ำก็จะน้อย เห็นเป็นสีเขียวอ่อน ส่วนในฤดูแล้ง น้ำก็จะแห้ง และเต็มไปด้วยต้นหญ้า ทำให้มีฝูงวัวกับแพะมากินหญ้าเต็มไปหมด  ทะเลสาบห้าสี ในอุทยานจิ่วจ้ายโกว ทะเลสาบห้าสี ถือเป็นจุดไฮไลท์อีกแห่งหนึ่ง เพราะน้ำใสบริสุทธิ์ มองเห็นก้นทะเลสาบอย่างชัดเจน เล่ากันว่า ทะเลสาบห้าสีเป็นที่ล้างหน้าของนางฟ้าซื่อหม่อ ซึ่งเทวดาด๋าเกอเป็นคนตักน้ำจากทะเลสาบยาวมาให้ทุกวัน จนทางเดินที่เทวดาด๋าเกอใช้เดินกลายเป็นขั้นบันไดทั้งหมด 189 ขั้น และแป้งที่ล้างออกจากใบหน้าของนางฟ้าซื่อหม่อ ก็กลายมาเป็นทะเลสาบห้าสีในปัจจุบัน เชื่อกันว่า คู่รักคู่ใดไปอธิฐานรักที่ทะเลสาบห้าสี แล้วเดินกลับขึ้นมาด้านบนโดยผ่านบันได 189 ขั้น ก็จะรักกันชั่วนิจนิจรันดร ... อย่าลืมหาโอกาสมาทัวร์จิ่วจ้ายโกวกันนะคะ

สนใจทัวร์จิ่วจ้ายโกว ดูรายละเอียดได้ที่
http://www.doubleenjoy.com/ทัวร์เที่ยวจีน/ทัวร์จิ่วจ้ายโกว.aspx