วันพฤหัสบดีที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

แชงกรีล่า

ขอขอบคุณรูปภาพจาก www.indochinaexplorer.com
  แชงกรีล่าเชื่อถือกันว่าแชงกรีล่านั้นมีแบบอย่างมาจากคำว่า แชมบาลา ซึ่งหมายถึงอาณาจักรที่ผู้คนอาศัยด้วยกันอย่างสุขสงบ เป็นอาณาจักรลึกลับตั้งอยู่ในบริเวณหุบเขาหิมาลัย ตามความความเชื่อถือที่ได้รับการสอนดำเนินต่อกันมาของพระภิกษุนิกายลามะว่า แชงกรีล่า ดินแดนที่แสนจะงดงาม ด้วยเทือกเขาสูงเสียดเมฆแนบชิดด้วยทุ่งหญ้าเขียวบริสุทธิ์ หน้าผาอันสูงใหญ่และสายธารสะอาดสดใส เปี่ยมด้วยความงดงามราวกับสวนสวรรค์แห่งพระเจ้า จึงเป็นเหตุให้รัฐบาลจีนได้สำรวจค้นหาดินแดนแห่งนี้ ตามคำพรรณนาในบทประพันธ์ของ เจมส์ ฮิลตัน ทั้งบริเวณที่ตั้ง สภาพภูมิประเทศ ขณบธรรมเนียมและประเพณี ของผู้คน ก่อนที่จะสรุปได้ว่า ดินแดนแชงกรีล่านั้น คือเขตรอยต่อระหว่าง ทิเบต ยูนนาน และเสฉวน ซึ่งได้แก่เมืองจงเตี้ยนนั่นเอง
ขอขอบคุณรูปภาพจาก www.trekkingthai.com

วัดซงจ้านหลิน นอกจากจะเป็นศูนย์กลางทางศาสนาพุทธในแชงกรีล่าแล้ว ภายในของพระอารามหลวงยังมีทรัพย์สมบัติมากมายทั้ง คัมภร์ทิเบตโบราณ พระพุทธรูปทองคำ ตะเกียงทองคำ พระอารามแห่งนี้ยังมีอีกนามว่า วัดโปตาลาน้อย เพราะก่อสร้างตามอย่างมาจากพระราชวังโปตาลา แห่งกรุงลาซา ทิเบต การดำริให้ก่อสร้างวัดซงจ้านหลินพ.ศ. 2222 (ค.ศ. 1679) โดยสร้างสำเร็จสองปีต่อมา เพราะต้องการให้เป็นที่ศูนย์รวมจิตใจให้กับชาวทิเบตซึ่งพักอยู่ในแชงกรีล่า โดยมีทะไลลามะองค์ที่ 5 เป็นผู้ริเริ่ม ซึ่งตรงกันกับสมัยอยุธยาตอนต้นของไทย และรัชสมัยของ คังซีฮ่องเต้แห่งราชวงศ์ถัง

ขอขอบคุณรูปภาพจาก www.grandtourchina.com
เมืองโบราณจงเตี้ยน เป็นเมืองโบราณที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 1,300 ปี และได้รับการบูรณะต่อเติมในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เพื่อให้บ้านเรือนในเเมืองโบราณแห่งแชงกรีล่านี้มีความแข็งแรงมากกว่าเดิม ภายในเมืองโบราณจงเตึ้ยน จะมีร้านขายสินค้าที่ระลึก เกสต์เฮาส์เล็ก ๆ มากมาย กลางเมืองโบราณมีลานเล็ก ๆ มีขนม และอาหารขาย มีที่นั่งชมเมืองที่ประดับประดาด้วยสีสันสดใสชองอารยธรรมธิเบต และชาวธิเบตในชุดพื้นเมือง ทำให้ผ่อนคลายอารมณ์กับบรรยากาศแชงกรีล่าได้เป็นอย่างดี
ด้านท้ายของเมือง จะมีลานกว้างขนาดใหญ่ ซึ่งทุก ๆ เย็นจะมีชาวทิเบตรวมตัวกันเต้นรำแบบโบราณ โดยจะจับกลุ่มกันเป็นวงกลม เต้นรำด้วยลีลาทะมัดทะแมง และพร้อมเพรียง ทั้งการหมุนตัว ตบมือ ดูน่าสนุกสนานเป็นอย่างยิ่ง  อกจากนี้แล้ว ลานนี้ยังเป็นทางขึ้นสู่ยอดเขาเล็ก ๆ ซึ่งเป็นที่ตั้งของวัดต้าฝอ วัดแห่งนี้ที่มีกงล้อมนตร์ขนาดสูงใหญ่เท่าตึกสามชั้นทางด้านซ้ายมือของวัด ซึ่งเป็นที่สักการะของชาวธิเบตทั้งหลายว่า การหมุนกงล้อมนตร์ครบ 3 รอบ เป็นการสร้างบุญบารมีครั้งใหญ่ ในแต่ละวันจะมีชาวธิเบตและนักท่องเที่ยว ที่มาเยือนแชงกรีล่่า ต่างมาอธิษฐานและหมุนกงล้อมนตร์นี้มากมาย


หุบเขาเสือกระโจน
ขอขอบคุณรูปภาพจาก http://abroad-tour.com
หุบเขาเสือกระโจน หรือ หูเที่ยวเฉีย (Hutiaoxia)
        หุบเขาเสือกระโจน หรือ หูเที่ยวเฉีย เป็นช่องหุบเขาเหนือแม่น้ำแยงซี ในมณฑลยูนนาน ประเทศจีนจีน ตั้งอยู่ห่างจากเมืองลี่เจียงไปทางเหนือ 60 กิโลเมตร ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างทางแยกของเมืองลี่เจียงและเมืองจงเตี้ยน เป็นหุบเขาในช่วงที่แม่น้ำแยงซีไหลลงมาจากจินซาเจียง (แม่น้ำทรายทอง) น้ำบริเวณนี้ไหลเชี่ยวมาก ช่วงที่แคบที่สุดมีความกว้างเพียง 30 เมตร ยาว 15 กิโลเมตร ตำแหน่งที่ตั้งอยู่ในบริเวณที่แม่น้ำไหลผ่านระหว่างภูเขาหิมะมังกรหยกที่สูง 5,596 เมตร และภูเขาหิมะฮาป๋าที่สูง 5,396 เมตร ซึ่งเป็นบริเวณที่น้ำไหลเชี่ยวและอยู่ใต้หน้าผาสูง 2,000 เมตร ตามตำนานเล่าว่า ในอดีตช่องแคบนี้มีเสือกระโดดข้ามไปยังฝั่งตรงข้ามได้ เนื่องจากกลางแม่น้ำบริเวณนี้มีหินที่เรียกว่า “หินเสือกระโดด” ซึ่งก้อนหินมีความสูงกว่า 13 เมตร จึงเป็นที่มาของชื่อ “ช่องแคบเสือกระโดด” ช่องเขาเสือกระโจนเป็นหนึ่งในหุบเขาเหนือแม่น้ำที่ลึกที่สุดในโลก ผู้อยู่อาศัยในบริเวณนี้มีจำนวนเพียงเล็กน้อย ส่วนใหญ่เป็นชนพื้นเมืองชาวหน่าซี โดยจะอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆบริเวณใกล้เคียง และหาเลี้ยงชีพโดยการเพาะปลูกและรับจ้างนำทางคนต่างถิ่น
โค้งแรกแม่น้ำแยงซี

ขอขอบคุณรูปภาพจาก http://abroad-tour.com
โค้งแรกแม่น้ำแยงซี (Changjiangdiyiwan)
         แม่น้ำแยงซีที่ไหลผ่านเมืองลี่เจียงช่วงนี้มีชื่อว่า จินซา หรือเรียกเต็มๆว่า จินซาเจียง แปลว่าแม่น้ำทรายทอง ณ จุดนี้เองที่แม่น้ำได้หักโค้งข้อศอกเป็นโค้งแรก 180 องศา ทำให้ไหลแยกจากแม่น้ำสาละวินและแม่น้ำโขง ไปทางทิศตะวันออก ก่อให้เกิดอารยธรรมจีนที่ยิ่งใหญ่เมื่อหลายพันปีมาแล้ว กล่าวกันว่าถ้าไม่มีโค้งนี้ก็อาจไม่มีอารยธรรมจีนอันเกรียงไกร อีกทั้งจุดนี้ยังเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่ขบวนทัพของทั้งขงเบ้ง กุบไลข่าน ใช้เป็นจุดข้ามแม่น้ำแยงซีไปทำศึก และเหมาเจ๋อตงเดินทัพทางไกลหนีการล้อมปราบของพวกก๊กมินตั๋งห่างจากเมืองเก่าลี่เจียง 53 กิโลเมตร เกิดจากแม่น้ำแยงซี (หรือที่คนจีนเรียกว่า แม่น้ำฉางเจียง) ที่ไหลลงมาจากที่ราบสูงชิงไห่-ทิเบต มากระทบกับภูเขาไห่หลอ ทำให้ทิศทางของแม่น้ำหักโค้งไปทางทิตะวันออกเฉียงเหนือ จนเกิดเป็นโค้งน้ำที่สวยงาม น่าหลงใหล นักท่องเที่ยวที่เดินทางไปสัมผัสกับบรรยากาศและความงดงามของโค้งแรกแม่น้ำแยงซีเกียงจะต้องไม่ลืมถ่ายภาพกลับมาเพื่อเป็นที่ระลึก



ขอขอบคุณรูปภาพจาก  www.mekongstory.com
 ภูเขาหิมะเหมยลี่ เป็นเทือกเขาที่อยู่ทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือ ในมณฑลยูนนาน ประเทศจีน ใกล้แชงกรีล่า เทือกเขาเหมยลี่ขนาบไปด้วย แม่น้ำสองสาย อันได้แก่ นู่เจียง(แม่น้ำสาละวิน) และหลานซางเจียง(แม่น้ำโขง) ซึ่งเป็นแม่น้ำสายหลักของภูมิภาคอาเซียน ยอดเขาสูงสุดของภูเขาหิมะเหมยลี่คือ ยอดคาวาเกโบ (Kawagebo Peak) ซึ่งมีความสูงถึง 6,740 เมตร ( 22,112.86 ฟุต) รองลงมาได้แก่ ยอดเขาเหมียนจี้มู (6,509 เมตร) และเจียยื่อเหริน ยอดเขาทั้งสามแห่งนี้ เป็นยอดเขาที่ยังบริสุทธิ์และไม่เคยมีใครพิชิตถึงยอดเขาสูงแห่งเทือกเขาหิมะเหมยลี่ทั้ง 13 ยอดนั้น หมายถึงโอรสสวรรค์ ทั้ง 13 องค์ ซึ่งตัวเป็นแทนแห่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของชาวทิเบต โดยเฉพาะชาวทิเบตที่อาศัยอยู่ใน เสฉวน,ทิเบต,ชิงไห่ และกานซู จะให้ความเคารพสักการะกับภูเขาหิมะเหมยลี่เป็นอย่างมาก

ขอขอบคุณรูปภาพจาก  www.xn--12cli6hk2fta5g.com
  ทุ่งกุหลาบพันปี ตั้งอยู่ระหว่างเส้นทาง ลี่เจียงถึงแชงกรีล่า ซึ่งจะเป็นทุ่งดอกไม้ขนาดใหญ่อยู่ตลอดเส้นทาง มักจะมีชาวทิเบตนำรั้วมากั้นเพื่อเก็บค่าเข้าชมท่านละ 5-10 หยวน
นอกจากนี้แล้ว นักท่องเที่ยวที่ไปเที่ยวแชงกรีล่า สามารถชมทุ่งกุหลาบพันปีได้ ณ บริเวณที่ทำการอุทยานหุบเขาพระจันทร์สีน้ำเงิน ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนกระเช้าขึ้นสู่ยอดเขาสือข่า บริเวณนั้นมีทุ่งกุหลาบพันปีขนาดใหญ่อยู่ด้วยเช่นกัน